Last updated: 26 ต.ค. 2565 |
ปิดฉากไปอย่างยิ่งใหญ่กับเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของ “JAY B” ศิลปินชาวเกาหลีใต้ชื่อดัง ลีดเดอร์คนชิคของ GOT7 ที่เพิ่งก้าวข้ามความสามารถของตัวเองไปอีกขั้น สู่การเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มตัวกับงาน “2022 WORLD TOUR JAY B “TAPE: PRESS PAUSE” in Bangkok” ซึ่งถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-16 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-6 เมืองทองธานี ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากเหล่าแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพราะบัตรทั้ง 3 รอบการแสดงถูกจับจองเต็มทุกที่นั่งหลังจากที่เปิดขาย ซึ่งงานนี้ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำความคิดถึงของแฟนชาวไทยที่มีต่อ “JAY B” เพราะห่างหายจากการมีเพื่อนรักบนแผ่นดินไทยมานานเกือบ 3 ปี!
ซึ่งงานนี้บริษัทออแกไนซ์ชื่อดังอย่าง BEX (กรุงเทพ เอ็กซิบิชั่น) บริษัทในเครือเวิร์คพอยท์กรุ๊ป ร่วมกับ YJ PARTNERS (วายเจ พาร์ทเนอร์ส) และ PROUD2 (พราวด์ทู) ได้จัดงานภายใต้คอนเซ็ปต์อย่าง “TAPE: PRESS PAUSE” ที่หนุ่มเจบีได้ไอเดียมาจากการคิดถึงการย้อนกลับไปฟังคลาสสิก ‘TAPE’ ซึ่งการ ‘PRESS PAUSE’ ก็เป็นเหมือนการกดปุ่มพอสเพื่อให้หนุ่มเจบีได้มีเวลาพักกลับไปสร้างสรรค์งานดีๆ กลับมาฝากแฟนคลับ ซึ่งที่เลือกใช้คำนี้เพราะมันจะไม่ใช่การสต็อป ‘STOP’ หรือการหยุดพัฒนาอย่างแน่นอน งานนี้ทีมงานจัดหนักจัดเต็มทั้ง แสง สี เสียง แน่นทั้งเพลงเพราะๆ ที่ “JAY B” ตั้งใจฝึกซ้อมเตรียม Performance เด็ดๆ พร้อมภาพลักษณ์ใหม่ๆ มาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
การแสดงสดทั้ง 3 รอบการแสดง ได้แก่ วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 รอบเวลา 19:00 น., วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2565 รอบเวลา 18:00 น. และ วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 รอบเวลา 17:00 น. ก็ได้เปิดเวทีด้วยโชว์จากศิลปินน้องใหม่ “JONGHAN” (คิม จงฮัน) ศิลปินแนว R&B ที่มีเสียงร้องคุณภาพ เปิดเวทีด้วยเพลง “Sandbag” ซึ่งแฟนๆ ก็ให้การต้อนรับจงฮันอย่างอบอุ่น ส่งเสียงกรี๊ดให้น้องอย่างท่วมท้น พร้อมทักทายว่า “สวัสดีครับ ผมจงฮันครับ ดีใจที่ได้เจอทุกคน ขอบคุณโอกาสที่ได้มาโชว์เปิดให้กับพี่ JAY B ในวันนี้” ก่อนจัดเต็มมอบเสียงเพลงเพราะๆ สุดโรแมนติกอีก 4 เพลง ทั้ง “Rainy Day”, “그대 내 품에” เวทีพิเศษเพลงภาษาไทยอย่างเพลงฮิต “Please” ของอะตอม ชนกันต์ และปิดท้ายโชว์ด้วย “Don’t”
ก่อนจะส่งต่อเวทีให้กับ “JAY B” เจ้าภาพของงาน โดยไม่ให้แฟนๆ ได้พักกันเลย หนุ่มสุดชิคเลือกเปิดเวทีด้วยความเซ็กซี่และแข็งแรงกับ 3 บทเพลงจังหวะดีๆ ที่ทรงพลังกับเพลง “Switch it Up”, “Ride” และ “AM PM” เป็นการอุ่นเครื่องให้แฟนคลับได้กรี๊ดกันตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนจะแวะทักทายแฟนๆ “สวัสดีครับ ผมอิม แจบอม” เป็นภาษาไทย ด้วยลุคสูทสีเทาสุดกระแทกใจ โดยหนุ่ม JAY B ได้กล่าวต้อนรับทุกคนว่า “วันแรกที่ถึงประเทศไทย เห็นแฟนไทยมารอรับที่สนามบินกันเยอะมากๆ รู้สึกตกใจมากที่มีคนรักและรอคอยเยอะขนาดนี้ ขอบคุณและขอโทษที่อาจจะไม่ได้ไปทักทายทุกคนที่สนามบินอย่างทั่วถึง และถึงแม้รอบนี้ผมจะมาคนเดียว ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะตั้งใจทำโชว์วันนี้ออกมาให้ดีที่สุดเลยนะครับ” โดยได้เกริ่นบอกแฟนๆ ที่อยู่ข้างหลังทุกที่นั่งว่า “ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไปหาทุกคนแน่นอน!” ก่อนส่งเข้าเพลงต่อไปอย่าง “In To You” เพลงช้าๆ ที่โชว์ความแพรวพราวและความเซ็กซี่ของหนุ่มเจบีกันอย่างต่อเนื่อง และเบรกด้วยเพลงช้าสุดหวาน “Dive into you” เพลงประกอบซีรีส์ Crazy love สุดไพเราะ ต่อด้วยเพลงจังหวะโยกๆ อย่าง “Count On Me” และ “Sunrise” ก่อนจะเบรกความฮอตด้วย VTR เบื้องหลังการถ่ายทำมิวสิควิดีโอเพลง “go UP” ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนให้แฟนๆ ได้ดูเป็นที่แรกกลางคอนเสิร์ต
ก่อนที่ “JAY B” จะไปเปลี่ยนเป็นลุคเสื้อยืดขาวคลุมด้วยเสื้อยีนส์สบายๆ เริ่มด้วยเพลง “B.T.W.” และ “FAME” ที่โชว์เสน่ห์เล่นหูเล่นตาเรียกเสียงกรี๊ดได้แบบถล่มทลาย ก่อนส่งต่อให้กับ Special Stage ที่ตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อเป็นเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนชาวไทยโดยเฉพาะ ซึ่งได้เลือกบทเพลงฮิตอย่าง “ซูลูปาก้า ตาปาเฮ้” ของ THEMOONWILLALWAYSBEWITHME กับความหมายสุดโรแมนติกที่ตั้งใจเลือกมาบอกทุกคนว่า “ฉันขอแค่เธอได้โปรดฟังไว้ ว่าฉันไม่เคยที่จะหายไปหายไป คิดถึงเพียงแต่เธอรู้ไหม ขอให้เธอรับรู้เอาไว้ ว่าฉันไม่เคยที่จะสนใจผู้ใด หมดทั้งใจแค่เธอไม่เคยเปลี่ยน” เรียกเสียงกรี๊ดฮอลล์แทบแตก! ตามด้วยอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์แบบไม่ให้แฟนคลับได้พัก เพราะ “JAY B” ได้ขึ้นรถเลื่อนไปทักทายแฟนๆ ทั่วทั้งฮอลล์อย่างใกล้ชิด พร้อมร้องเพลง “Hush” และ “Fade Away” ซีนนี้ชนะใจแฟนคลับไปเต็มๆ เพราะแม้จะอยู่ไกลแค่ไหนก็คุ้มค่าทุกที่นั่งแน่นอน! ก่อนกลับขึ้นเวทีด้วยเสตจ เพลง “Rainy” โดยมาพร้อมขาตั้งไมค์ ยืนร้องนิ่งๆ แต่เอาใจแฟนคลับแบบอยู่หมัด เพราะไม่ว่าเพื่อนรักจะเคลื่อนไหวร่างกายในท่อนไหน แฟนไทยตายเรียบ!
ก่อนเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของคอนเสิร์ตด้วย VTR คอนเซ็ปต์ของเวิลด์ทัวร์ในครั้งนี้ซึ่งยังไม่เคยได้อัพโหลดลงสื่อที่ไหนมาก่อน พร้อมกลับมาด้วยลุคใหม่ในแบบสปอร์ตแมนคนชิคสุดคูล! เปิดเวทีด้วยเพลงใหม่ล่าสุดอย่าง “go UP” เพลงจังหวะสนุกสนานที่ครองใจแฟนๆ ให้ลุกขึ้นเต้นตามทั้งฮอลล์ ต่อด้วย “The way we are”, “Livin’”, “Fountain of youth” วิ่งทักทายแฟนๆ ด้วยเอเนอร์จี้ที่ไม่มีดร็อปลงเลยแม้แต่น้อย โดย “JAY B” ได้อธิบายว่าโชว์ครึ่งแรกอยากเน้นเพลงที่ทุกคนร้องตามได้ ส่วนครึ่งหลังอยากเล่นเพลงใหม่ๆ ที่อยากให้ทุกคนรู้จักมากขึ้น ก่อนส่งต่อเข้าเพลงจังหวะสนุกสนานอย่าง “Break it Down” และ “Holyday” เพลงกรู๊ฟเท่ๆ โชว์เสียงและไลน์เต้นสุดแข็งแรง ซึ่งในรอบวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2565 รอบการแสดง 18:00 น. ได้มี แขกรับเชิญสุดพิเศษ คุณแม่ของ “JAY B” และคุณแม่ของ “แบมแบม” ศิลปินไทยในวง GOT7 เข้าร่วมชมการแสดงด้วย โดยหนุ่มเจบีได้กล่าวทักทายและขอบคุณว่า “ผมและเมมเบอร์ทุกคนรู้สึกเหมือนกันเสมอว่า เพราะแบมแบมถึงทำให้พวกเรามีโอกาสได้มาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยแบบนี้ ทุกครั้งที่ได้มาที่นี่ผมจะรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ และสัญญาว่าครั้งหน้าจะกลับมาพร้อมกับแบมแบมนะครับ” ก่อนส่งเข้าโชว์สุดท้ายที่ไม่ท้ายสุดอย่าง “Rocking Chair” เพลงช้าความหมายดีๆ ที่ JAY B อยากส่งต่อกำลังใจให้แฟนคลับทุกคน
ซึ่งแฟนๆ ก็ตะโกนอังกอร์เรียก “อิม แจบอม” กันทั้งฮอลล์ ซึ่งเพื่อนบีก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังกลับขึ้นเวทีด้วยลุค ALL BLACK สุดกระแทกใจ! กับเสื้อยืดสีดำซึ่งเป็นลายสกรีนของงานเวิลด์ทัวร์ในครั้งนี้ ก่อนกลับขึ้นรถเลื่อนไปทักทายแฟนคลับทั่วทั้งฮอลล์อีกครั้ง โดยครั้งนี้มาพร้อมกับ GOT7 MEDLEY (“Page”, “Teenager”, “Breath”, “Thursday” และ “NaNaNa”) พร้อมโยนลูกบอลที่มีลายเซ็นให้แฟนคลับได้เก็บเป็นที่ระลึกอีกด้วย โดยหลังจากกลับขึ้นเวที ก็ถึงเวลาที่แฟนคลับชาวไทยจะได้เซอร์ไพรส์ JAY B กลับบ้างด้วยการเตรียมโปรเจ็กต์มาให้เพื่อนรักแบบ 3 วันไม่ซ้ำกันเลย! โดยได้บอกความรู้สึกว่า “หลังจากคอนเสิร์ตครั้งนี้จบไป ผมก็ยังต้องให้ทุกคนรออีกพักนึงเลยรู้สึกขอโทษ แต่ก็รู้สึกมั่นใจว่าอากาเซ่ทุกคนจะต้องรอผมใช่มั้ยครับ ผมสัญญาว่าจะทำผลงานดีๆ มาให้ทุกคนอย่างแน่นอน ขอบคุณสำหรับการรอคอยและการต้อนรับ ผมหวังว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้จะสมการรอคอย เพราะผมตั้งใจเตรียมและฝึกซ้อมมาอย่างดีมากๆ เพื่อแฟนไทยทุกคนจริงๆ ครับ”
ก่อนจะส่งต่อเวทีให้กับ “Def.” (เดฟ) ซึ่งเป็นชื่อในวงการอีกชื่อหนึ่งที่ “JAY B” ใช้ในการทำเพลง โดยทั้ง 3 วันได้มี Special Stage ที่ไม่เหมือนกันเลย โดยรอบวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 ได้โชว์เพลง “Ring” และ “Sunset With You” รอบวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม 2565 เลือกเพลง “Don’t Touch Me” และ “Pray” ส่วนรอบวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 ได้เลือกอีก 2 บทเพลงส่งท้ายอย่าง “Bad Habit” และ เพลงใหม่ล่าสุดอย่าง “Right” ที่เปิดตัวให้ฟังครั้งแรกที่นี่! โดยทั้ง 3 รอบการแสดงได้ปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยเพลงจังหวะสนุกๆ อย่าง “Go Higher” ที่ทำให้ผู้ชมทั้งฮอลล์ลุกขึ้นเต้นโดยพร้อมเพียงกัน เดือดจนถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ โดยสำหรับรอบวันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม 2565 “JAY B” ได้แถมสเตจสุดพิเศษเพิ่มอีก 3 เพลงทั้ง “My Home”, “Before The Moon Rises” และ “Bounce” พร้อมลงจากเวทีไปทักทายแฟนๆ แบบใกล้ชิดสุดๆ ก่อนจะกลับขึ้นมาโชว์สเต็ป B-BOY ส่งท้ายบนเวทีอีกด้วย ก่อนจะจบประโยคสุดท้ายด้วยข้อความถึงแฟนคลับว่า “ผมจะกลับบ้านมานะ”
เรียกได้ว่างานทั้ง 3 รอบการแสดงประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาก เสียงกรี๊ดเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาการแสดง ถือว่าเป็นการประเดิมงานคอนเสิร์ตเดี่ยวในประเทศไทยในฐานะศิลปินเดี่ยวของ “JAY B” ไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งความสำเร็จในครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าแม้ “JAY B” จะไม่ได้กลับไทยนานแค่ไหน หรือจะต้องห่างหายจากการสร้างสรรค์ผลงานไปซักระยะ แต่แฟนคลับชาวไทยจะยังอยู่ตรงนี้ รอสนับสนุนในทุกเส้นทาง และพร้อมจะเป็นเก้าอี้ให้เจบีได้หันกลับมาพักพิงได้เสมอ จนกว่าจะพบกันใหม่จะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน
และหากไม่อยากพลาดทุกความเคลื่อนไหวของผู้จัดงาน สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทุกช่องทางออนไลน์ที่ Official Facebook : BEXConcert / Twitter: @BEX_Concert