"กอล์ฟ" ปลื้มสุดๆ อาร์ตทอยคอลฯ 3 Sold Out! พร้อมเล่าแรงบันดาลใจการออกแบบสีที่มาจาก "แจ็คสัน"

           ปลื้มใจสุดๆ หลังจากผลงานอาร์ตทอย Starseed.X ของนักแสดงหนุ่ม “กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล” ที่ออกแบบด้วยตัวเองมาจนถึงตัวที่ 3 ได้รับการตอบรับ Sold Out ขายหมดทุกครั้งที่เปิดการจำหน่าย และเล่าถึงที่มาของตัวที่ 2 ที่ชื่อว่า “Pain” ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของน้องรัก “แจ็คสัน หวัง” (Jackson Wang) โดย กอล์ฟ เล่าให้ฟังว่า

           “อาร์ตทอยของกอล์ฟ ตอนนี้เดินทางมาถึงตัวที่ 3 แล้วครับชื่อว่าตัว Power ลุ้นมากครับ เพราะตั้งใจเอามาให้ทันจำหน่ายในงานดิสเพลย์ที่เพิ่งผ่านไป แล้วก็มาทันและขายหมดหลังจากเปิดขายไม่กี่วัน ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ ครับ ที่สนับสนุนผลงานของกอล์ฟ บางคนมาต่อคิวซื้อกันตั้งแต่วันแรก บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด ตั้งใจเดินทางมาเพื่อซื้อผลงานของกอล์ฟโดยเฉพาะเลย กอล์ฟรู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ ครับ ส่วนตัวที่สองก่อนหน้าที่มีชื่อว่า Pain สีดำ เป็นตัวที่ Sold Out ไปตั้งแต่วันแรกที่จำหน่ายเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งกอล์ฟไม่เคยเล่าที่มาที่ไปเลย เพราะตั้งใจว่าอยากเก็บเรื่องราวนี้จนกว่าขายหมดก่อน ค่อยเล่าที่มาที่ไป ซึ่งตัวนี้กอล์ฟได้แรงบันดาลใจจากแจ็คสันในวันที่กอล์ฟได้มีโอกาสไปดูคอนเสิร์ตน้อง Magicman เมื่อสองปีก่อน ที่แจ็คสันเสียน้ำตาบนเวทีและเล่าเรื่องราวต่างๆ ว่ากว่าที่เค้าจะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง และมีน้ำตาไหลๆ สีดำที่ตา เหมือนในการแสดงคอนเสิร์ตของแจ็คสัน กอล์ฟได้แรงบันดาลใจและตั้งใจออกแบบให้ตัว Starseed.X เป็นตัวเค้าที่มีร่องรอยแผลที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมาย เป็นสัญลักษณ์ว่าไม่อายที่จะแสดงความเจ็บปวดถ่ายทอดให้คนอื่นเห็น ซึ่งมันตรงกับคอนเซปต์ของ Starseed.X ที่เป็นการปลดปล่อยความรู้สึกหรือตัวตนผ่านสีสันโดยดึง Soul ของมนุษย์คนนั้นออกมา ตอนที่กอล์ฟให้แจ็ค ก็เล่าที่มาที่ไปและน้องก็บอกว่าขายหมดแล้วนี่ ก็ตกใจนิดนึงว่าแจ็ครู้ด้วยว่าขายหมดแล้ว กอล์ฟเลยบอกน้องไปว่าตั้งใจเก็บไว้ให้เค้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ก็ขอบคุณเค้าที่เรื่องราวของเค้าเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดศิลปะในรูปแบบของเรา ส่วนในปีนี้กอล์ฟยังคงมีผลงานที่ทำร่วมกับศิลปินต่างประเทศ และมีน้อง Starseed.X ในเวอร์ชั่นต่อๆ ไป และกำลังวางแผนอยากทำ Exhibition ของตัวเองในปีหน้า ฝากทุกคนติดตามด้วยนะครับ ได้ที่อินสตาแกรม Starseedx.Official หวังว่าทุกคนจะคอยซัพพอร์ตงานศิลปะของกอล์ฟนะครับ”