Last updated: 17 ส.ค. 2567 |
หลังจากสร้างความดุเดือดไปทั่วโลก “แบมแบม” (BamBam) หรือ “แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” ศิลปินสายเลือดไทยชื่อดังระดับโลก ก็คัมแบ็คกับมินิอัลบั้มที่ 3 ‘BAMESIS’ สุดปังสุดฮอตด้วยลุคกร้าวใจดุดันไม่เกรงใจใคร พร้อมเพลงหลายแนวให้แฟนคลับทั้งเหล่า ‘อากาเซ่’
(ชื่อแฟนคลับวง GOT7) และ ‘แบมมี่’ (ชื่อแฟนคลับแบมแบม) หวีดกันมือเป็นระวิง โดยเฉพาะ LAST PARADE เพลงไตเติ้ลที่ฮิตติดหู เอ็มวีติดแกลม พร้อมท่าเต้นสุดเท่ที่ตกแฟนทั้งในด้อม และนอกด้อมให้หลงรักตกอยู่ในภวังค์สมการรอคอย และงานนี้หนุ่มแบมแบมก็ไม่รอช้าสานต่อแรงหวีดของแฟนคลับไทยทันที ประกาศ 2 งานให้ทุกคนได้มาเจอกันอย่างใกล้ชิด กับกิจกรรมแฟนไซน์ “BamBam 3rd Mini Album (BAMESIS) Fansign Event in Bangkok x Y Global Music” ในวันเสาร์ และอาทิตย์ที่ 17-18 สิงหาคม เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ฮอลล์ 1-2)
และอีกหนึ่งงานกับโชว์เคสที่เลือกประเทศไทยเป็นที่แรก!! “BAMESIS SHOWCASE TOUR” ชมสดเพอร์ฟอร์มแมนซ์ออนสเตจเพลงใหม่จากมินิอัลบั้ม BAMESIS พร้อมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 และวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 1-2 และก่อนที่จะไปหวีดความพิเศษกับสองงานดังกล่าว เจ้าตัวก็ขอมาแถลงความพร้อมสำหรับอีเวนท์ครั้งสำคัญนี้ในประเทศไทย ณ โรงภาพยนตร์สยามภาวลัย ชั้น 6 สยามพารากอน เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567 โดยมีดีเจนุ้ย-ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร รับหน้าที่พิธีกรซักถามหนุ่มแบมแบมถึงงาน BAMESIS SHOWCASE TOUR IN BANGKOK โชว์เคสที่เลือกประเทศไทยเป็นที่แรก!!
Q : พูดถึงมินิอัลบั้มที่ 3 ‘BAMESIS’ ที่มาที่ไปของอัลบั้มนี้
‘BAMESIS’ ชื่อเอามาจากเทพเจ้าที่ชื่อว่า Genesis เทพเจ้าแห่งการกำเนิด ก็เลยใส่ชื่อ BAMBAM เข้าไปเป็น ‘BAMESIS’ คือหลังจากจบเวิลด์ทัวร์ครั้งที่ 2 ก็ต่อด้วยการกลับมาสร้างดินแดนของแบมแบม ทวีปของแบมแบม จะแฟนตาซีนิดนึง ทางค่ายตั้งชื่อให้ ถ้าเกิดทวีปชื่อบา
เมซิสเนี่ย คนที่อยู่ในทวีปนั้นก็อยากให้ชื่อบาเมซิสเซอร์ หรือ บาเมเซียน ก็ได้ครับ อัลบั้มนี้จะได้เรเฟอเรนซ์จากเวิลด์ทัวร์มา หลายๆ เพลงทำระหว่างที่ทัวร์
Q : อัลบั้มนี้เป็นอะไรที่ดุดันตอบโจทย์แฟนๆ เหลือเกิน
ตอบโจทย์แฟนๆ แต่ไม่ตอบโจทย์แม่ๆ ครับ อัลบั้ม ‘BAMESIS’ เป็นอัลบั้มที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยปล่อยออกมา ส่วนตัวเป็นความชอบของผม ไม่ว่าจะเป็นเพลง การอัด การมิกซ์ หรือมิวสิควิดีโอ หรือคอนเซ็ปต์ หลายคนอาจจะเคยเห็นผมคัลเลอร์ฟูลหน่อย มีความสดใส ก็เลยรู้สึกอยากต่อต้าน ‘BAMESIS’ อัลบั้มนี้ก็เลยอยากจะลองความดาร์คให้มันไปให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังอยากคงความมันส์ของการโชว์ในแนวเพลงนี้อยู่
Q : งั้นขอฟังเสียง #ทีมแม่ หน่อย
(แอบแซวแฟนๆ ในโรงภาพยนตร์ว่าเสียงกรี๊ดเบาไปนะ) ไม่เหมือนเมื่อก่อน ดูเหมือนพลังน้อยลง แต่มันจะมีอีกทีมนึงเพิ่มมา #ทีมบาป ครับผม เป็นคุณแม่มาตลอด แต่พอถึงอัลบั้มนี้แล้วเอ๊ย เราบาป (หัวเราะ) คิดกับลูกไม่ดี
Q : มินิอัลบั้มนี้สื่อสารด้วยวิชวล
ไม่ได้เน้นสตอรีเป็นหลัก เน้นวิชวลเป็นหลักมากกว่าครับผม
Q : แต่ละลุคที่ออกมา เสื้อผ้า หน้าผม กร้าวใจมาก เตรียมตัวขนาดไหน
แอบนานนิดนึงเพราะว่า ช่วงระหว่างทัวร์ก็จะเริ่มทำเพลง อย่างเพลงไตเติ้ล Last Parade อะไรแบบนี้ แต่ว่าก็ยังดำเนินการอย่างอื่นไม่ได้อย่างการถ่ายมิวสิควิดีโอหรือการอัดเพลง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นหลังเสร็จจากราชมังฯ ภายใน 3 เดือนต้องไล่ทำเพลงตามแผนจึงออกมาเป็น
ผลงานที่ทุกคนเห็นอยู่ตอนนี้ รวมแล้วก็ประมาณ 3 เดือนกว่า
Q : ยากหรือง่ายกว่าผลงานที่ผ่านมายังไง
ผมว่ามันง่ายกว่านะครับผม ช่วงเวิลด์ทัวร์ผมใช้ชีวิตอยู่บนเวทีประมาณ 9 เดือน เวลาอัดเพลง เสียงมันอาจจะอยู่ในโหมดโชว์อยู่ มันก็สมูธหน่อย ไม่ใช่ว่าพักมา 2-3 เดือน พอเราจะกลับมาร้องเพลง มีความไม่ชินบ้างอะไรบ้าง แต่ว่ารอบนี้อะไรมันออกมาตามไทม์ไลน์หมดเลยครับ มันโฟลว์ครับ โฟลว์จนแบบ...เป็นห่วงอะครับผม มันไม่ค่อยมีอะไรติดขัดหรือมีปัญหาจนเราต้องมาแก้ มันสมูธเกินไปจนผมแบบ...ระแวงครับผม ว่าทำอะไรตกหล่นหรือเปล่า
Q : เรียกว่าเพอร์เฟ็กต์
ผมว่าน่าจะเป็นผลงานที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดที่เคยปล่อยออกมา
Q : อัลบั้มนี้มีทั้งหมด 5 เพลง ชอบเพลงไหนมากที่สุด
ส่วนตัวชอบ "Mi Último Deseo" ที่สุดเพราะว่าเป็นสไตล์ที่ผมอยากทำมานานแล้วครับ ถ้าใครได้ไปดูทัวร์ครั้งสุดท้ายของ GOT7 ในปี 2019 ในโชว์ของแร็พทีมของผม พี่มาร์ค และก็พี่แจ็คสัน ตอนนั้นผมเขียนแร็พเป็นภาษาสแปนิชเหมือนกันครับผม ผมอยากทำมาตั้งแต่ตอนนั้น
แต่เพิ่งจะมาได้ทำในอัลบั้มนี้ เป็นฝันที่ผมอยากจะทำแนวละตินมาตั้งนานแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าชอบเพลงนี้มากที่สุด หลังจากเพลงนี้ก็ "Thank You Come Again" เพลงนี้กะจะปล่อยตั้งแต่ตอน Ribbon แล้ว แต่รู้สึกว่ามันแรงเกินไปก็เลยเก็บเอาไว้ๆ จนมาถึงตอนนี้ แล้วพอมีหลาย สถานการณ์เกิดขึ้น ผมก็เลยเปลี่ยนเนื้อเพลงเป็นเพลง Diss แต่ละคนไปเลย
Q : แฟนๆ ชอบเพลงไหน
หลายๆ คนชอบเพลง "Must Be Nice" ที่ร้องที่ราชมังฯ ครั้งแรกไป เป็นเพลงไม่เศร้า ไม่แฮปปี้ เป็นเพลงบอกถึงความในใจ เป็น message ถึงแฟนคลับหลายๆ คนที่เคยชอบผมในอดีต ชอบผมในตอนนี้ และชอบผมในอนาคต ตอนนี้เราอาจจะยังรักอยู่ แต่ว่าพอวันนึงทุกคนไปมีครอบครัว แต่งงาน มีลูก ก็จะมาทำกิจกรรมกับผมแบบนี้ไม่ได้อีก (แฟนๆ บอกจะอุ้มลูกมาด้วย) ได้เหรอครับ ไม่กลัวสามีหึงเหรอ (หัวเราะ) ไม่ว่าจะเหตุผลใด ตอนเขียนเพลงนี้ผมรู้สึกว่า แต่ละคนมีเรื่องราวชีวิตไม่เหมือนกัน มีที่มาต่างกัน แต่มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้เราได้เจอกัน แต่ถ้ามันมีสักวันนึงที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่คุณก็สามารถมีความสุขเหมือนตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็อยากที่จะยอมรับและก็ปล่อยไปได้เพื่อให้ทุกคนสบายใจและมีความสุขมากกว่า อะไรประมาณนี้
Q : ถ้าเล่าอีกนิดเดียวน้ำตาไหลแล้วนะ
ไม่ๆ ผมว่ามันไม่ได้เป็นเพลงเศร้าอะไรนะ ส่วนใหญ่เพลงที่เขียนให้แฟนคลับจะเป็นเพลงเกี่ยวกับการขอบคุณหรือขอโทษ อะไรอย่างนี้ซะมากกว่า แต่รอบนี้ผมรู้สึกว่าไม่อยากใช้คำว่าขอบคุณหรือขอโทษ ก็เลยขอใช้เป็นคำว่าแบบ...ถึงไม่มีผมยังไงทุกคนก็สามารถมีความสุขได้ด้วยเหตุผลอื่นๆ ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากซัพพอร์ตความสุขของหลายๆ คนที่เคยรักผมมา อะไรประมาณนี้
Q : ตั้งเป้าหมายสำหรับอัลบั้มนี้ไว้อย่างไรบ้าง
ผมไม่ได้คิดอะไรมากสำหรับอัลบั้มนี้เลย ผมว่าผมอยากทำด้วยความสนุก อยากทำในสิ่งที่ทั้งผมและก็ทางค่ายด้วยอยากทำมาตั้งนานแล้ว อาจจะไม่ได้เป็น Mainstream (เพลงในกระแสหลัก) มาก แต่อยากทำเพลงที่คนที่ไม่รู้จักผมเวลาผมไปโชว์ในพื้นที่ๆ ไม่ได้มีแต่แฟนคลับของผมสามารถเอนจอยและก็ชอบสเตจของผมได้ คนที่ไม่รู้จักผม เวลาไปดูเอ็มวีแล้วแบบ เฮ้ย ไอ้นี่มันใครอ่ะ มันจะเป็นอัลบั้มที่บอกถึงความ...แบบว่า...ฉันเก่ง (ชูกำปั้น) (หัวเราะ) แต่ว่าหลายฟีดแบ็คที่ผมได้ดูก็เป็นไปตามที่ผมได้แพลนเอาไว้นะ
Q : เอ็มวี Last Parade ทำไมมันอลังการขนาดนั้น
มันแพงครับ (หัวเราะ) หมดตูดเลย เราลงทุนมากกว่าเอ็มวีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้ต่างกันเยอะนะ เราลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 15-20 % เอง แต่รู้สึกว่าเอ็มวีทำออกมาแล้วมันคุ้ม ทำตามจำนวนตัวเลขที่เราให้ไปจริงๆ กับหลายๆ สิ่งที่เราเตรียมมา มันเข้ากับเพลง เอาท์ฟิต ทุกอย่างมันออกมาผสมผสานกันดีมาก แต่ว่ามันจะมีสิ่งที่ขัดข้อง หรือ... (แฟนๆ บอก ติดขัด) ใช่ครับ (หัวเราะ) ติดขัดทุกๆ อัลบั้มที่ผ่านมาคือเรื่องของมิวสิควิดีโอ คือพอออกมาแล้วมันจะมีจุดที่ไม่พอใจตรงนั้นตรงนี้บ้าง จนถึงเดดไลน์ที่ต้องปล่อย ก็จะปล่อยออกไปด้วยความเสียดาย เหมือนผลที่ออกมาไม่ตรงตามที่ต้องการเป๊ะๆ แต่เอ็มวีนี้มันดูรู้เลยว่าเออ! เงินมันไปไหนหมด มันคุ้มค่ากับสิ่งที่เราลงทุนไป การที่ได้เห็นฟีดแบ็คของหลายๆ คนที่พูดถึงเอ็มวีของผม มันทำให้ผมชื่นใจ ผมไม่เสียดายทั้งเวลา ความเหนื่อย ความทุ่มเทที่ผมกับทางค่ายให้ไปในเอ็มวีนี้เลย
Q : แบมแบมได้ไปออกรายการที่เกาหลีเพื่อโปรโมตเพลงซึ่งกลายเป็นไวรัลกับสิ่งที่เตรียมให้อากาเซ่
ฟีดแบ็คที่เกาหลีและไวรัลที่เกาหลีมันดีมาก รู้สึกว่าตลอด 2 ปีที่ผมถ่ายรายการโน่นนี่นั่นมันตอบแทนผมในช่วงเวลานี้พอดี (เห็นบอกว่าเตรียมเตนท์ด้วย) ตอนนี้ที่เกาหลีร้อนกว่าไทยอีก ร้อนแบบออกไปแล้วหายใจไม่ออก รู้สึกรูขุมขนมันอุดตันไปหมดเลย มันชื้นมาก ฝนมันตกแป๊บแล้วก็หยุด พื้นมันเปียก แล้วก็แฉะ มันเหนียวตัว พออัดรายการเพลงเสร็จแล้ว วันเสาร์ที่ผ่านมา มีจัดมินิแฟนมีตติ้งที่เป็นธรรมเนียมของการคัมแบ็คของศิลปิน จัดที่ลานกลางแจ้ง เวลาประมาณ 11 โมงครึ่ง แดดกำลังแรงที่สุดเลย ผมก็เลยอยากให้แฟนๆ สบายที่สุด แล้วพื้นคอนกรีตมันก็จะร้อนด้วย เราก็เลยซื้อเตนท์มากางให้ทุกคนนั่ง แล้วทำแผ่นรองก้นที่มันเป็นลูกโลก แล้วก็มีแก้วน้ำ tumbler ที่เป็นโลโก้ผม แล้วก็ของหลายๆ อย่างที่ผมให้ในกระติกน้ำแข็ง เป็นของขวัญสำหรับคนที่มาร่วมจะได้เอาไปใช้ได้ครับ ผมรู้สึกว่าทุกคนช่วยผมขนาดนี้แล้ว สิ่งที่ผมให้มันก็นิดเดียวเองอ่ะ ก็เลยพยายามทำอะไรให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในวันนั้น ส่วนการตอบแทนอย่างอื่น ผมจะค่อยๆ ตอบแทนทุกคนหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างในอนาคตนะครับผม
Q : พูดถึงการเต้นชาเลนจ์กับเพื่อนๆ ศิลปิน
สนุกดีครับ แต่ว่ายังมีอีกหลายๆ คนที่ยังไม่ได้ถ่าย ตอนนี้มีรออยู่ 4 คน เป็น 4 คนที่ผมคิดว่าหลายๆ คนอยากเห็น จะปล่อยเร็วๆ นี้ครับ ชาเลนจ์ก็มีที่ผมไปขอก่อนบ้าง หรือไปเจอกันแล้วก็ชาเลนจ์กัน หรือเขามาขอก่อนบ้าง ผมว่านี่แหละคือชาเลนจ์ที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าไปขอแบบ..."เต้นให้
ผมหน่อยๆ" ซึ่งเดี๋ยวนี้มักเป็นอย่างนี้ ผมไม่ค่อยชอบ ชาเลนจ์ผมคิดว่ามันต้องเป็นการชาเลนจ์จริงๆ เอาชนะสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ทำแล้วเรามาทำให้มันจนได้ หลายๆ ศิลปินที่มาเต้นกับผมเขาก็จะแบบ..."ขอดูของคุณก่อนได้มั้ย" แล้วเขาก็จะแบบ...อยากชนะคุณก่อน อันนี้ผมว่ามันคือชาเลนจ์จริงๆ ไม่ใช่แบบ มาสอนเต้น 10 นาที ของผมจะแบบแต่ละคนใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีเพื่อที่จะเรียนเต้นกับผม เพราะว่าพอมันเป็นการเต้นจริงจังคนที่เป็นศิลปินก็อยากที่จะทำให้มันได้
Q : อยากดูท่าเต้นเพลงนี้สดๆ มั้ยครับ
(มีตัวแทนของอากาเซ่ขึ้นไปเต้นเพลง Last Parade ด้วยลีลาสุดพลิ้วและเป๊ะเวอร์ เรียกเสียงปรบมือได้เกรียวกราว) (ต่อด้วยลีลาแดนซ์ของแบมแบมไป 1 กรุบแต่จุกพอสมควร) เพลงนี้เต้นแล้วแบบมันเหนื่อยที่สุดเลย เหมือนอยากจะดมยาดมตลอดเลย
Q : งานโชว์เคสแรกในเมืองไทย BAMESIS SHOWCASE TOUR IN BANGKOK จริงๆ เป็นเวิลด์ทัวร์โชว์เคส โดยเมืองไทยเป็นที่แรก เตรียมความพิเศษมาฝากแฟนๆ ยังไงบ้าง
รอบนี้จะโชว์เพลงใหม่ทั้งหมด 5 เพลงให้ทุกคนได้ดูเป็นครั้งแรก และก็จะมีสเตจนึงที่จะเป็นการโชว์ครั้งแรกเลยให้ทุกคนดู เดี๋ยวรอดูเลยว่าจะเป็นสเตจไหน แต่ขอบอกเลยว่าสเตจนี้มันจะร้อนแรงนิดนึง (หัวเราะเขิน) ต้องขออภัยคุณแม่ทุกคน แต่ว่าอัลบั้มนี้ทำเพื่อ ทีมแฟนๆ โดย
เฉพาะ ผมก็เลยเลือกเพลงนึงในอัลบั้มที่จะมีท่าเต้น การโชว์ เฟอร์ฟอร์มที่มันจะร้อนแรง ดุดัน นิดนึง แล้วก็จะมีช่วงเล่นเกมส์ที่มันจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ มันจะคล้ายๆ กีฬาสีนิดนึง คนที่ชนะก็จะมีของรางวัลพิเศษให้ นอกจากเพลงในอัลบั้มก็จะมีโชว์ที่จะทำให้หายคิดถึงราชมังฯ กันนิดนึง
ก็จะมีโชว์เซอร์วิสด้วย มันมีความพิเศษหลายอย่าง มันเป็นการผสมผสานกันระหว่างคอนเสิร์ตกับแฟนมีตติ้ง ก็เลยใช้คำว่าโชว์เคส
Q : แฟนๆ ล่ะต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
ขนนกครับ สีดำ-แดง พรุ่งนี้มีรางวัลสำหรับการแต่งตัวด้วย ต้องแบบเดินเข้าไปแล้วแบบ..."ฉันมาแล้วนะ" เราต้องนัมเบอร์วันเอาไว้ เดินเข้าไปแล้วแบบ...(ทำท่าเดินผายมือ) พญานาค ครับ (แฟนๆ ต้องรีบแก้ให้ว่าเป็น 'นางพญา' จ้ะ) ใช่ (หัวเราะ) ไม่งั้นก็ต้องเดินเข้ามาเป็นแบบนี้ (ท่าเลื้อยแบบพญางู) ต้องเข้ามาแบบนางพญา
งานนี้ 'แบมแบม' ก็พร้อมแล้วที่จะได้มาเจอกับแฟนๆ ทุกคนอย่างใกล้ชิด กับกิจกรรมแฟนไซน์ “BamBam 3rd Mini Album (BAMESIS) Fansign Event in Bangkok x Y Global Music” ในวันเสาร์ และอาทิตย์ที่ 17-18 สิงหาคม เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ฮอลล์ 1-2) และงานโชว์เคส “BAMESIS SHOWCASE TOUR IN BANGKOK” ที่ทุกคนจะได้ชมเพอร์ฟอร์มแมนซ์ออนสเตจเพลงใหม่จากมินิอัลบั้ม BAMESIS แบบสดๆ พร้อมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 และวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 1-2 ใครที่ยังไม่มีบัตรยังสามารถจับจองกันได้ผ่านทาง www.thaiticketmajor.com บัตรราคา 5,000 / 4,000 และ 3,000 บาท พลาดแล้วพลาดเลย เสียใจแน่นอน!!
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของกิจกรรมแฟนไซน์ และงานโชว์เคสได้ที่ Facebook และ X : Y Global Music
#BamBam #뱀뱀 #แบมแบม
#BAMESIS
#BAMESIS_SHOWCASE_TOUR
#BAMESISFANSIGNINBKK
#BAMESISSHOWCASEINBKK
#YGLOBALMUSIC